เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก (
Seven Wonders of the World) คือ
สิ่งก่อสร้างที่มีความยิ่งใหญ่และโดดเด่น ทั้งหมด 7 แห่งด้วยกัน
โดยมีการกล่าวถึงครั้งแรกในงานของเฮโรโดตุส
(Herodotos หรือ Herodotus เมื่อราว 5 ศตวรรษก่อนคริสตกาล แต่หลังจากนั้นก็การอ้างถึงจากกวีชาวกรีก เช่น คัลลิมาฆุส
แห่งคีเรนี, อันทิพาเตอร์ แห่งซีดอน และฟิโล แห่งไบเซนไทน์
เมื่อราวศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์
หรือสิ่งมหัศจรรย์ทั้งเจ็ดของโลก ในบัญชีแรก เรียกกันว่า
เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ และหลังจากนั้น ยังมีบัญชีเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลางและยุคปัจจุบัน
โดยไม่ปรากฏผู้จัดทำรายการอย่างชัดเจน
เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ
1.พีระมิดคูฟู หรือ พีระมิดคีออปส์
นิยมเรียกกันโดยทั่วไปว่า มหาพีระมิดแห่งกีซา (อังกฤษ: The Great
Pyramid of Giza) เป็น
พีระมิดในประเทศอียิปต์ที่มีความใหญ่โตและเก่าแก่ที่สุด
ในหมู่พีระมิดทั้งสามแห่งกีซา เชื่อกันว่าสร้างขึ้นในสมัย ฟาโรห์คูฟู (Khufu) แห่ง ราชวงศ์ที่ 4 ซึ่งปกครองอียิปต์โบราณ เมื่อประมาณ 2,600 ปีก่อนคริสตกาล หรือกว่า 4,600 ปีมาแล้ว
เพื่อใช้เป็นที่เก็บรักษาพระศพ ไว้รอการกลับคืนชีพ
ตามความเชื่อของชาวอียิปต์ในยุคนั้น
มหาพีระมิดนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
และเป็นหนึ่งเดียว ในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ ที่ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
2.สวนลอยบาบิโลน
สวนลอยบาบิโลน
(อังกฤษ: Hanging
Gardens of Babylon) จัดเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
ตั้งอยู่บนแม่น้ำยูเฟรติส ประเทศอิรักในปัจจุบัน
สร้างโดยกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ที่ 3 แห่งกรุงบาบิโลเนีย
สร้างให้แก่มเหสีของพระองค์ชื่อพระนางเซมีรามีส สร้างขึ้นเมื่อ 600 ปีก่อนคริสต์ศักราช สุงประมาณ 75 ฟุต กินพื้นที่ 400 ตารางฟุต ระเบียงทุกชั้นได้รับการตกแต่งด้วยไม้ดอก ไม้ประดับ
ไม้ยืนพุ่มชนิดต่างๆ
มีระบบชลประทานชักน้ำจากแม่น้ำไทกิสไปทำเป็นน้ำตกและนำไปเลี้ยงต้นไม้ตลอดปี
สวนนี้ได้พังทลายลงจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อหลังศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสต์ศักราช
3.เทวรูปซูสที่โอลิมเปีย
เทวรูปซูสที่โอลิมเปีย (อังกฤษ: Statue of Zeus
at Olympia) เป็นเทวรูปของซูส ซึ่งเป็นประธานเทวสภาโอลิมปัส
สร้างจากไม้ ประดับด้วยทองคำและงาช้าง ลักษณะประทับนั่ง อยู่บนฐานกว้าง 10 เมตรครึ่ง
ตัวเทวรูปสูงประมาณ 12 เมตร (43 ฟุต) พระหัตถ์ซ้ายถือคทา พระหัตถ์ขวารองรับไนกี้
เทพีแห่งชัยชนะ มีเครื่องประดับด้วยทองคำล้วน ออกแบบก่อสร้างในศตวรรษที่ 5
ก่อนคริสต์ศักราช โดย ฟิดิแอส ประติมากรชาวเอเธนส์
เทวรูปนี้ประดิษฐานอยู่ในวิหารซูส ที่โอลิมเปีย ประเทศกรีซ
4.วิหารอาร์ทิมิส
วิหารอาร์ทิมิส
(อังกฤษ: Temple
of Artemis) หรือ
วิหารไดแอนา (อังกฤษ: Temple of Diana) ถูกยกย่องให้เป็น
7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคต้น เชื่อกันว่าสร้างขึ้นเพื่อถวายเทพีอาร์ทิมิส
ซึ่งเป็นเทพที่พวกนายพรานเคารพบูชา
มหาวิหารนี้เคยถูกไฟไหม้
ภายหลังได้รับการซ่อมแซมโดยอเล็กซานเดอร์มหาราช
ปัจจุบันหลงเหลือเพียงซากเสาเท่านั้น
5.สุสานแห่งฮาลิคาร์นัสเซิส
สุสานแห่งโมโซลูส
(อังกฤษ: The
Mausoleum at Halicarnassus, Tomb of Mausolus) เป็นสุสานขนาดใหญ่ของกษัตริย์โมโซลูสแห่งลิเชีย ในเอเชียไมเนอร์
จัดเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก เป็นเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ
สุสานแห่งฮาลิคาร์นัสเซิส
ตั้งอยู่ที่ฮาลิคาร์นัสเซิส ประเทศตุรกี ในปัจจุบัน สร้างขึ้นโดยราชินี
อาเตมีสเซีย หลังการสวรรคตของพระสวามี สร้างขึ้นระหว่าง 353-350
ปีก่อนคริสต์ศักราช สร้างขึ้นมาจากหินอ่อนในระหว่างปี
ค.ศ. 156-190 ในรูปแบบสถาปัตยกรรมกรีกโบราณ
มีบันทึกไว้ว่า มีขนาดสูงถึง 140 ฟุต ฐานโดยรอบยาวถึง 460 ฟุต
บนยอดสุดเป็นพื้นเหลี่ยมเล็กกว่าฐานล่าง ได้ปั้นเป็นรูปราชรถและม้า 1 ชุด
กำลังวิ่ง และมีกษัตริย์และพระมเหสีประทับยืนอยู่บนราชรถม้า
ประกอบด้วยลวดลายสวยงามมาก
สุสานแห่งฮาลิคาร์นัสเซิส
พังทลายลงด้วยเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในคริสต์ศตวรรษที่ 12-13
ปัจจุบันจึงเหลือแต่เพียงซากชิ้นส่วน และชิ้นส่วนบางอย่างถูกเก็บรักษาไว้ที่ บริติช
มิวเซียม ในประเทศอังกฤษ
6.มหารูปแห่งโรดส์
มหารูปแห่งโรดส์ (อังกฤษ: Colossus of
Rhodes) เป็นเทวรูปขนาดใหญ่ของเทพเฮลิออส หรือ อพอลโล
เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก จัดอยู่ในยุคเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ
ร่วมสมัยกับประภาคารฟาโรสแห่งอเล็กซานเดรีย
มหารูปแห่งโรดส์สร้างมาจากสำริด
เป็นเทวรูปของสุริยเทพอพอลโล ซึ่งเป็นหนึ่งในเทวสภาโอลิมปัส มีความสูงประมาณ 100
ฟุต (30 เมตร) มือขวาถือประทีป
ประดิษฐานบนฐานทั้งสองข้างของปากอ่าวทางเข้าท่าเรือของเกาะโรดส์ ในทะเลอีเจียน
ยืนถ่างขาคร่อมปากอ่าวให้เรือลอดไปมาได้
มหารูปนี้สร้างขึ้นโดย ชาเรสแห่งลินดอส
ซึ่งเป็นประติมากรชาวกรีก ในราว 280 ปี ก่อนคริสตกาล ใช้เวลาสร้างประมาณ 12 ปี
มีอายุยืนอยู่ได้ประมาณ 60 ปี ก่อนจะพังทลายลงด้วยแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ เมื่อ 226
ปี ก่อนคริสตกาล ซากชิ้นส่วนของมหารูปได้ถูกปล่อยปละละเลยไม่มีใครดูแล
จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 10 ซากที่เหลืออยู่ถูกขายให้แก่ชาวเมืองซาราเซน
ไปทำอาวุธในการทำสงครามครูเสดจนหมด จนถึงปัจจุบันไม่มีเหลือซากของมหารูปนี้หลงเหลืออยู่แล้ว
7.ประภาคารฟาโรสแห่งอเล็กซานเดรีย
ประภาคารฟาโรสแห่งอเล็กซานเดรีย หรือ
ประภาคารแห่งอเล็กซานเดรีย (อังกฤษ: Pharos of Alexandria, Lighthouse of Alexandria)
เป็นประภาคารโบราณซึ่งจัดให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
ตั้งอยู่บนเกาะฟาโรส เมืองอเล็กซานเดรีย ริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน สร้างประมาณ
270 ปีก่อนคริสต์ศักราช ในรัชสมัยพระเจ้าปโตเลมีที่ 1 โดยสถาปนิกชื่อ โซสเตรโตส
ตัวประคาภารมีความสูงเท่าใดไม่แน่ชัด
แต่อยู่ในระหว่าง 200-600 ฟุต (ขนาดพอ ๆ กับ เทพีเสรีภาพ) สร้างด้วยหินอ่อนแกะสลัก
มีตะเกียงขนาดใหญ่บนยอด นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าในเวลากลางวันจะปล่อยควัน
ในเวลากลางคืนจะเป็นแสงไฟสว่างที่เห็นได้จากระยะไกล
ซึ่งยังไม่ทราบว่าใช้วิธีใดในการจุดไฟและส่องแสง
บ้างก็สันนิษฐานว่าใช้กระจกในการส่องแสง บ้างก็เชื่อว่า สามารถส่องแสงได้ถึง 4 ทาง
แต่บางส่วนก็เชื่อว่า ส่องแสงได้เพียงแค่ 2 ทางเท่านั้น
ประภาคารฟาโรสแห่งอเล็กซานเดรีย
มีอายุอยู่ได้ยาวนานถึง 1,600 ปี จนกระทั่งในประมาณศตวรรษที่ 13-14
เกิดแผ่นดินไหวทำให้ประภาคารพังลงมา
ในปี ค.ศ. 1994
นักโบราณคดีได้ดำน้ำสำรวจบริเวณปากอ่าวอเล็กซานเดรีย
พบหลักฐานของสิ่งที่เชื่อว่าเป็นซากชิ้นส่วนของประภาคารฟาโรสแห่งอเล็กซานเดรีย
ซึ่งบางส่วนเป็นหินที่หนักถึง 70
ตันและเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น